เมื่อภูเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ทุ่งบัวตอง แม่ฮ่องสอน

เมื่อภูเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ทุ่งบัวตอง แม่ฮ่องสอน

เมื่อภูเขาทั้งลูกเต็มไปด้วยดอกไม้สีเหลืองทองที่ #ทุ่งบัวตอง @ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน ภูเขาจะเปลี่ยนสีแค่ปีละหนเท่านั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม สำหรับทุ่งบัวตองที่นี่ มีขนาดถึง 1000 ไร่ คือใหญ่สุดในประเทศไทยเลยจ้า และทิวเขาสลับกันไปมา ดูยิ่งใหญ่อลังการ เมื่อขับรถผ่านโค้งแต่ละโค้ง จะรู้สึกตื่นเต้นกับวิวสองข้างทางที่ได้เจอ เหมือนโดนสะกดไว้ ตอนกลางคืนก็สามารถมานอนกางเต็นท์ ดูดาวสวยระบายเต็มท้องฟ้า
***ภาพในกระทู้ ถ่ายเมื่อ 21/11/2016 ปีที่แล้วน้า

ทริปนี้เราสองคน Lazy Coup ได้จัดเป็น Road Trip มาจ้า โดยขับจากกรุงเทพ แวะเที่ยวเชียงใหม่ แล้วมาลุยที่แม่ฮ่องสอนเป็นจุดสุดท้าย แต่เพื่อไม่ให้การรีวิวนี้ยาวไป เราขอลุยสรุปที่แม่ฮ่องสอนกันเลยนะคะ >> การขับรถมาที่แม่ฮ่องสอน มีทางโค้งเยอะสุดๆ บางมุมอาจจะมองไม่เห็นรถที่สวนมา แต่ก็ใช้ความระมัดระวัง บีบแตรตอนเข้าโค้งบ้าง เผื่อคันที่สวนมาจะได้ยินเสียง กว่าจะขับมาถึงแม่ฮ่องสอนก็มืดแล้ว เราพักที่ ขุนยวมรีสอร์ท อยู่ไม่ไกลจากดอยแม่อูคอที่เป็นจุดชมทุ่งบัวตอง

เช้าวันแรกจากที่พัก ก็เห็นทะเลหมอกมาทักทายแต่เช้าเลย จังหวัดนี้ภูเขาสวยจริงๆค่ะ

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าขับรถไปยัง ดอยแม่อูคอ กัน
google map : https://goo.gl/maps/u4yqMrfLNEB2

ระหว่างทางที่ไปเราก็จะเจอสวนดอกไม้ข้างทางเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเสียค่าเข้าชมสวนคนละ 10 บาทนะคะ เป็นไร่ของชาวบ้านเอง มีดอกไม้เมืองหนาวหลายดอก บางสวนก็ทำมุมเก๋ๆ เพื่อให้ถ่ายรูป/ชมวิวด้วย ลองดูบรรยากาศกันนะคะ … ส่วนเรา 10 บาท ก็ถ่ายรูปเล่นจนคุ้มเลย แหะๆ  ^^

และพอออกมาจากสวนแถวนั้น เราก็จะเห็นว่าเริ่มมีดอกไม้สีเหลืองปรากฎกายอยู่บ้างแล้วล่ะ ขอย้ำอีกทีนะคะ ดอกไม้จะบานช่วงพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม ปีละหนเท่านั้นนะ

พอขับมาเข้าโซนดอยแม่อูคอแล้ว ทุกๆโค้งจะรู้สึกกรี๊ดกร๊าดเป็นพิเศษ เพราะมันสวยงามอลังการกว่าที่คิดมากจริงๆ หนูได้แรงบันดาลใจที่จะไปที่นี่จากอินเตอร์เน็ต เพราะเป็นคนชอบดอกไม้มากๆ แต่หนูการันตีเลยว่า ไปเอง สวยกว่าในภาพมากจริงๆ ถ่ายมายังไง ก็ถ่ายไม่หมดค่ะ

ข้อดีของที่นี่อีกข้อนึง ซึ่งหนูมองว่าเป็นข้อสำคัญมากๆ คือ ผู้สูงอายุมาได้ พ่อแม่เรามาได้ เดินไม่ได้เยอะมาก มีจุดชมวิวให้เลือกหลายที่โดยที่เราไม่ต้องปีนเขาให้ลำบาก หรือเดินขึ้นบันไดสูงชัน เราเลือกจุดที่อยากดูวิวได้เลยจ้า และเราก็เห็นน้าๆ ที่มาหัวเราะ ยิ้ม และมีความสุขกับวิวข้างหน้า

ตรงสีเขียวๆ คือจุดชมวิว สังเกตได้ว่าใกล้กับที่จอดรถมากกกก และมุมตรงนี้ก็สวยแล้ว

ความใหญ่ของดอกไม้ที่นี่ คือ ประมาณครึ่งหน้าเลย (หน้าเราก็ใหญ่อยู่นะ 55)

ขอบคุณพี่คิมที่ขับรถพามาตั้งแต่กรุงเทพเลยนะคะ จริงๆ การขับรถมาเที่ยวแบบ road trip ก็มีข้อดีตรงที่ว่าเรามีเวลาคุยกันในรถมากขึ้น อยากแวะเที่ยวตรงไหนก็จัดไปได้สบายมากเลย ^^ ลองพาแฟนไปขับรถเล่นดูนะคะหนุ่มๆ

เอาล่ะที่นี้ถ้าใครอยากจะขึ้นไปให้สูงยิ่งขึ้น ก็จะต้องเดินขึ้นบันไดปูนไปอีกนิดนึง ทางเดินทำมาดีแล้ว ไม่ได้เดินเหมือนเดินป่านะคะ

ผู้หญิงก็ใส่กระโปรงเดินเที่ยวได้ ไม่ลำบากจ้า

ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ อิอิ ก็มีจุดให้แวะพักบ้าง

เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนก็จะเห็นทิวเขาต่างๆ ชัดมากขึ้น พร้อมกับโค้งถนนต่างๆ เยอะขึ้น

เราเดินเล่นที่นี่จนกระทั่งแสงเย็นมาเยือนเลย ยิ่งทำให้ภูเขาเป็นสีเหลืองทองไปกันใหญ่จ้า

ก็ขอย้อนแสงกันบ้างนิดนึง

แล้วเราก็เดินกลับไปที่สะพานไม้สีเขียว (จุดชมวิวแรกที่ใกล้ลานจอดรถ) เพื่อรอถ่ายดาวกัน
**สามารถนอนกางเต็นท์ตรงจุดชมวิวได้เลย มีห้องน้ำให้เรียบร้อย ไม่อันตรายเลย

นอกจากนี้ ระหว่างวัน เรายังมีร้านกาแฟน่ารักที่เด็กๆ เป็นคนชงเองทั้งหมด “Posaho Cafe” กาแฟเด็กน้อยทำอร่อย (ใกล้ทุ่งบัวตอง) สำหรับร้านกาแฟนี้ จะให้เด็กๆของโรงเรียนบ้านหัวแม่สุริน เด็กๆทำทุกกระบวนการด้วยตนเอง ตั้งแต่บด ชง ดริป ล้าง แต่บอกไว้ก่อนว่าที่นี่ไม่มี น้ำปั่น หรือเครื่องดื่มเย็นๆ เพราะไฟฟ้าเข้าไม่ถึง และน้ำแข็งก็ไม่มีค่ะ มีแต่กาแฟร้อน นมอุ่นๆ เหมาะกับอากาศหนาวๆ  ว่าแล้วไปดูบรรยากาศกัน

เด็กๆตั้งใจทำกาแฟมาก เป็นอีกภาพที่น่ารักดี

บรรยากาศข้างหลังที่นี่ เป็นไร่นา ก็จะได้กินกาแฟไป ดูบรรยากาศวิถีชีวิตไป … ช่วงนั้นกำลังเก็บเกี่ยวอยู่ค่ะ

ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ ชอบการไปแบกเป้เที่ยวแบบ slowlife ดื่มด่ำธรรมชาติ อากาศเย็นๆ  และช่วยเด็กๆ กัน
หากว่าใช่ แสดงว่าใจเราตรงกัน ต้องรีบหาโอกาสไปให้ได้นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ