ย้อนยุค ย้อนวัย … ไปกับเมืองมัลลิกา

ย้อนยุค ย้อนวัย … ไปกับเมืองมัลลิกา

ยังจำความสนุกของวัยเยาวน์กันได้บ้างมั้ย? ในสมัยนั้นทุกคนต้องเคยสมมุติตัวเองเป็นแม่ค้า/พ่อค้า จำลองใบไม้เป็นผัก ปั้นดินน้ำมันเป็นหม้อข้าวหม้อแกง และเล่นแลกเปลี่ยนค้าขายกัน ความสนุกเหล่านั้นมันค่อยๆจางหายไปในกาลเวลา แต่ความคิดถึงบางอย่างก็พาเรามาที่เมืองมัลลิกา จ.กาญจนบุรี…ที่นี่ “ย้อนวัย” ทำให้เราอยู่ระหว่างปัจจุบันกับอดีต ความรู้สึกเหมือนมานั่งเล่นบ้านเพื่อน แต่งตัวชุดไทยและมีบทบาทสมมุติของตนเอง เกิดการจำลองสถานที่ และการซื้อขายแลกเปลี่ยน ความทรงจำเก่าๆ มันย้อนขึ้นมาให้สนุกอีกครั้ง

ที่นี่ไม่ใช่แค่ย้อนวัยเด็กของเราเท่านั้น แต่เมืองมัลลิกา ยัง “ย้อนยุค” ไปสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ (ร.ศ.๑๒๔) ซึ่งมีการประกาศเลิกทาสเกิดขึ้น เป็นการจำลองบ้านเรือนและย่านร้านค้าที่คึกคัก ขายผลไม้ อาหารทั้งคาวหวาน ที่ใช้เตาถ่านในการประกอบอาหารทั้งสิ้น และคนเมืองนี้น่ารักมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้การต้อนรับอย่างดี พูดคำว่าขอรับ หรือเจ้าคะ ลงท้ายได้อย่างไพเราะและมีเสน่ห์มาก ลองไปสักครั้ง จะตกหลุมรัก <3 #Lazycoup พร้อมแล้วไปลุยกันเลย

Google Map : https://goo.gl/maps/quJk8ZjRWTL2

เมื่อเราเข้ามาถึงเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 เราจะพบกำแพงเมืองสีขาวขนาดใหญ่ คู่กับ ประตูแดง และเริ่มมองเห็นบรรยากาศไทยๆ ที่เหมือนเข้าไปสู่อีกยุคหนึ่ง โดยค่าเข้า ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท

ตรงส่วนนี้หากใครอยากไปนั่งรถลากรอบเมือง ก็สามารถติดต่อได้นะคะ ในราคา 50 บาท ก็จะเดินลากพาไปเก๋ๆ แบบในรูป หรือจะขอพี่ๆ ถ่ายรูป เค้าก็ต้อนรับอย่างดี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ที่นี้เรามาพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายกันดีกว่า เพราะหนูมั่นใจว่า เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ ทำให้หลายๆคน อยากมาเที่ยวที่เมืองมัลลิกากัน
ค่าเช่าชุดไทย ญ.สไบ 200 บาท

ค่าเช่าชุดไทย ญ. แบบเกาะอกที่หนูใส่ 200 บาท

ค่าเช่าชุด ญ.ลูกไม้สีขาว ร. 5 300 บาท

ค่าเช่าชุด ช.ราชปะแตน 300 บาท

ค่าเช่าชุดเด็ก 50 บาท

ถ้าถามว่า มาถึงที่นี่ ไม่ใส่ชุดไทยได้มั้ย จริงๆ ไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่พอเราเข้าเมืองไป จะรู้สึกเสียดายนิดนิด เพราะข้างในใส่กันแทบทุกคนเลยจริงๆ

หลังจากเราเช่าชุดไทยเสร็จเรียบร้อย มีสิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก่อนเข้าไปในเมือง คือ ในเมืองไม่ใช้เงินบาทที่เราใช้จ่ายกันอยู่ ต้องไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสตางค์ให้เรียบร้อยก่อนนะคะ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินสตางค์ คือ 1 สตางค์ = 5 บาท หลังจากนี้ Lazy Coup จะพาเข้าไปชมบรรยากาศในเมือง แต่ละส่วนกัน รัว รัว

“สะพานหัน” ทำจำลองตัวสะพานในสมัยก่อน เป็นเรือนไม้ข้ามคลอง และบริเวณข้างในทั้งสองฟากสะพาน จะมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน

ข้างในขายพวกผลไม้สด และผลไม้แห้งต่าง ๆ โดยเมื่อย้อนไปในอดีต ร.5 ชอบเสด็จประพาสมาที่สะพานแบบนี้เพื่อซื้อผลไม้แห้งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่นลูกพลับแห้ง และผลไม้แห้งต่างๆ นานาชนิด

พอเราเดินข้ามสะพานหันดังกล่าว จะเจอตึกสีพาสเทลหวานๆ นั่นคือ “ย่านการค้า” ซึ่งจำลองมาจาก ย่านถนนแพร่งนรา ในสมัย ร.ศ.124 ตรงส่วนนี้จะมีน้ำดื่ม อาหารทั้งคาวหวานที่ทำแบบไทยๆให้ดู ไม่มีการใช้เตาไฟฟ้า ใช้เตาถ่านในประกอบอาหารเท่านั้น แต่ละห้องแถวเราสามารถขอพี่ๆ เดินเข้าไปเก็บภาพหรือพูดคุยวิธีการทำได้เลย ทุกคนจะพูดไทยลงท้ายขอรับ/เจ้าคะ ได้มีเสน่ห์มากจริงๆ

สักพักนึงเราก็จะเห็นตึกสูงๆ เอาไว้ให้ขึ้นไปชมวิวเมืองมัลลิกากันแบบ 360 องศา ตึกนี้เรียกว่า “หอชมเมือง”เอาไว้จำลองมาจากหอคอยคุก สำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนี มีพี่ยามนั่งหน้าหอคอยข้างล่างและข้างบน เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยในเรื่องจำนวนคนไม่ให้เยอะเกินไปข้างบน หรือหากเด็กจะขึ้นต้องให้รอผู้ปกครองดูแลใกล้ๆ ตลอดเวลา

มาดูภาพวิวที่ได้จากหอชมเมืองกันดีกว่า…

เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราสองคนจึงตัดสินใจเดินไปหาร้านอาหารนั่งกินกันที่บริเวณ “เรือนแพ” สังเกตได้ว่าตรงเรือนแพจะทำคลองเอาไว้ เพราะสมัยก่อนการสัญจรไปมาส่วนใหญ่ใช้แม่น้ำ มีอาหารไทย กาแฟโบราณ น้ำหวานไทยๆ หลายอย่างขายอยู่ที่นี่นะคะ

อิ่มเสร็จก็ลุยต่อได้ เดินไปสักพักก็เห็นทุ่งนา และเรือนไม้สีน้ำตาลเข้ม เรียกว่า “เรือนเดี่ยว” เป็นการจำลองบ้านชาวบ้านทั่วไป ที่ทำงานอาชีพเกษตรกร ทำไร่ ทำนา ชนชั้นกลางของคนสมัยก่อน

และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ จะเจอเรือนไม้สีน้ำตาลแดง เป็น “เรือนคหบดี” เป็นชนชั้นปกครอง ข้างบนนี้มีการสอนเรื่องการร้อยมาลัย งานดอกไม้ใบตองไว้ด้วยนะคะ ข้างในบ้านก็จะมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งหลากหลาย

แอบไปเจอเจ้ากิ้งก่าระหว่างทาง

“เรือนหมู่” เรือนไทยสีดำ เป็นเรือนที่ไว้รับรองแขกบ้านแขกเมือง ดังนั้นที่เรือนนี้ จะมีการจัดให้รับประทานอาหารเย็น พร้อมกับการแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยให้ดูด้วยนะคะ (แต่หนูไม่ได้อยู่ถึงเย็น หากใครสนใจอาจจะต้องหาข้อมูลจากที่มัลลิกาเพิ่มเติม)

สำหรับใครที่อยากได้ดอกหญ้าฮิปเตอร์ถ่ายคู่ชุดไทย ก็มีอยู่ใกล้ๆ เรือนหมู่นะคะ

และเราก็เดินข้ามสะพานกลับบ้านกัน

ถ้าถามว่าเราชอบที่นี่มั้ย สำหรับหนูประทับใจมากๆ คือ

1.เรื่องไอเดีย การสร้างเมืองไทยจริงจัง : บางที่อาจจะเคยทำ แต่ไม่ได้มีกิจกรรมให้เราทำด้วย มีส่วนร่วมด้วยขนาดนี้
2.เรื่องของคนข้างในเมืองมัลลิกา : พี่พี่พนักงานอินกับบทบาทคนสมัยก่อนมาก พูดขอรับ/เจ้าค่ะ ตลอดเวลา/ บางคนอินกับพ่อค้าก็จะเดินมาแนะนำขนมหวานต่อ เราพูดคุยกับเค้าว่าแต่งตัวเนียนมากเหมือนคนสมัยก่อนจริงๆ พี่เค้าตอบกลับมาว่า ก็กระผมเป็นคนที่นี่นิขอรับ… ปลื้มมาก/ น้องๆ ที่ช่วยเราแต่งตัว ก็ตั้งใจเลือกสีชุดให้เรา จับเราแต่งตัวแบบน่ารักมาก

แต่ถ้าถามว่า น่าจะต้องปรับปรุงอะไรเพิ่ม คือ จุดที่แลกเปลี่ยนเงินสตางค์ข้างในน้อยมาก หากเราแลกมาน้อยไป จะต้องเดินไปแลกไกลพอสมควร จริงๆ แลกมาเหลืออาจจะดีกว่าขาด เพราะหาจุดแลกยากพอสมควร