26 Dec ขุนแปะ ไม่ใช่ ดาลัด ตกหลุมรัก ไฮเดรนเยีย เมืองไทย
ไฮเดรนเยีย ดอกไม้ช่อใหญ่ ที่มีดอกสีฟ้าหวานเล็กๆ รวมกันอยู่ ซึ่งปกติแล้วการไปเที่ยวถ่ายภาพกับทุ่งไฮเดรนเยีย เราอาจจะต้องนั่งเครื่อง ผ่านตม. บินไกลไปถึงดาลัด ประเทศเวียดนาม แต่เชื่อไหมว่า ตอนนี้ในไทยก็มีแล้ว และเป็นของโครงการหลวงด้วย นั่นก็คือ โครงการหลวงบ้านขุนแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถมาเที่ยวได้จากตัวเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ ทำให้เราได้ถ่ายรูปกับดอก ไฮเดรนเยีย ในไทยได้เลย ซึ่งระยะเวลาในการบานของดอกไม้ที่นี่ คือในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึง กุมภาพันธุ์ค่ะ แต่ในเรื่องของดอกไม้นั้น จะค่อนข้างขึ้นกับฤดูกาล สภาพดิน น้ำ ลม เป็นหลัก ดังนั้นก่อนจะไปเที่ยวชมก็อาจจะลองเช็คกับคนที่เพิ่งจะไปมา หรือ โทรตรง เพื่อสอบถามในส่วนของโครงการหลวงขุนแปะ และที่พักใกล้ๆ ก็ได้ค่ะ
กล้องที่ใช้ถ่ายภาพในอัลบั้มนี้ : fujifilm XT2 XH1 และ 16-55/ 56 1.2/ 55-200/ Petsval 58
การเดินทางมาเที่ยวบ้านขุนแปะ
ครั้งนี้เราขับรถ แบบ “road trip” กทม-เชียงใหม่ ด้วย ISUZU D-MAX V-CROSS กัน นั่งยาวๆ แต่ก็ไม่เมื่อยตูด แต่ถ้าใครถนัดนั่งเครื่องบินก็ลงที่สนามบินเชียงใหม่แล้วค่อยเดินทางต่อก็ได้ค่ะ อันนี้แล้วแค่คนชอบ
แต่จากตัวเมืองเชียงใหม่มาเที่ยวทุ่ง ไฮเดรนเยีย สามารถมาได้ทั้งแบบ มาเช้า – เย็นกลับ หรือ มาแบบนอนค้างคืนก็ได้ค่ะ
-แบบไม่ค้างคืน : แนะนำให้ปัก Google Maps ไปที่ “โครงการหลวง บ้านขุนแปะ” ค่ะ โดยเราไปเที่ยวมาช่วงต้นเดือน พ.ย. 2561 พบว่ามีการทำทางอยู่ตลอดเส้นที่จะไปโครงการหลวง เห็นมีรถเก๋งขับไปบ้าง แต่น่าจะขูดช่วงล่างอยู่พอสมควร (เราขับเอา ISUZU D-MAX V-CROSS หรือ รถ 4×4 ไปก็จะชัวร์สุด) หากทางสร้างเสร็จ เก๋งไปได้สบายแน่นอนค่ะ และเมื่อถึงโครงการหลวง บ้านขุนแปะ เราก็จะต้องติดต่อรถชาวบ้าน เพราะถนนหนทางจากโครงการหลวงไปทุ่งดอกไม้ ถนนค่อนข้างแย่มาก ทางแคบเป็นหลุมเป็นบ่อเยอะค่ะ โดยจะมีค่าใช้จ่ายราคา 500 บ าท เป็นราคารวมทั้งไปและกลับ ถ้าเรามีคนไปด้วยหลายคน ก็เหมารวมกันไปได้เลยค่ะ หารค่าใช้จ่ายต่อหัวจะได้ถูกลง และพอไปถึงที่สวน จะมีค่าบำรุงรักษา หรือค่าเข้า คนละ 30 บาทค่ะ และตอนเที่ยวเล่นในสวน ถ้าชอบดอกไม้ช่อไหน สามารถชี้และซื้อได้เลย เพียงกำละ 30 บาทจ้า
-แบบค้างคืน สามารถนอนที่ขุนแปะกระท่อมตะวัน ไรวินท์ สักคืนก็ได้ค่ะ และลองติดต่อกับเจ้าของที่พักดู เพื่อนัดหมายการเข้าพักและอาหารมื้อเย็นดูนะคะ
บรรยากาศของทุ่ง ไฮเดรนเยีย ขุนแปะ
เมื่อเรามาถึงทุ่งไฮเดรนเยีย ของโครงการหลวงบ้านขุนแปะ เราใส่ชุดเดรสสีฟ้า (ที่กะจะถ่ายให้เข้ากับทุ่งดอกไม้ที่นี่) แล้วกระโดดลงมาจากท้ายกระบะ จ่ายค่าเข้าชมสวน พบว่าสวนไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับของดาลัดนะคะ แต่ว่าสำหรับเรื่องความสวยงามไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งเราก็แนะนำให้มาเที่ยวช่วงปลายปี-ต้นปี อากาศก็สุดแสนจะเย็นสบาย ดอกไม้ก็เพียงกำละ 30 บาทเท่านั้นเอง ไปเที่ยวถ่ายรูปแล้ว ก็ยังสามารถช่วยอุดหนุนพี่ๆบ้านขุนแปะกันได้ด้วยค่ะ ใครที่ไม่ได้เตรียมพร็อพมาถ่ายรูป ก็ขอซื้อช่อดอกไม้หน้างานได้เลย
มีคนแอบไปซื้อดอกไม้ให้เราด้วย ใครยังไม่มีคู่รีบแชร์ค่ะ จะได้มีโมโม้นต์นี้บ้างงง 55
ขุนแปะกระท่อมตะวัน ไรวินท์
ถ้าใครที่ขึ้นมาเที่ยว ไฮเดรนเยีย ที่ ขุนแปะ แล้ว ก็อย่าลืมมานอนพักที่ ขุนแปะกระท่อมตะวัน ไรวินท์ สัก 1 คืน เพื่อชมทุ่งนาขั้นบันได พร้อมกับดวงดาวสวยงามในยามกลางคืนด้วยน้า โดยบ้านพักที่เราเลือกนอน จะเป็นบ้านหลังใหญ่ ราคาจะอยู่ที่ 1500 บาทต่อหลัง แต่ก็มีหลังเล็กด้วยค่ะ โดยที่เราเลือกหลังใหญ่เพราะห้องน้ำจะอยู่ในบ้านพักเลย ส่วนห้องเล็กต้องออกจากบ้านพักมาเข้าห้องน้ำอีกทีค่ะ (เราไปกัน 3 คน เหลือ คนละ 500บาทเอง) แต่ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหญ่ บ้านเล็ก ทุุกหลังก็เป็นเพิงกระต็อบแบบบ้านชาวนา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีแอร์ แต่ทางเจ้าของที่พัก (พี่ตะวัน) จะมีหลอดไฟ LED เล็กๆให้ ก็ช่วยได้เยอะสำหรับคนที่ไม่ชินกับการไม่มีไฟฟ้าใช้เลย และในค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีทั้งอาหารเย็นแบบขันโตก อาหารเช้าที่เป็นข้าวต้มง่ายๆ กับชาลิ้นมังกรร้อนๆ ค่ะ
ความรู้สึกเราหลังจากได้นอนพักที่นี่ เรามานอนแล้วชอบนะ… รู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตสงบ หลบหนีความวุ่นวายไปเยอะเลย กลางคืนเราเดินออกมาดูดาว อากาศหนาวเย็นสบาย ได้นั่งทานขันโตกพูดคุยกันแบบสงบ เป็นส่วนตัว และตอนเช้าก็มามองเห็นน้ำข้าวเกาะบนปลายข้าว ใครที่อยากลองนอนอะไรแบบ บ้านๆ เที่ยวให้ลึก เจอธรรมชาติ วิถีชีวิต ต้องลองมาที่นี่สักครั้งค่ะ
สนใจไปนอนพัก ก็ติดต่อไปจองที่ 0931491269 หรือ https://www.facebook.com/KhunPaeHut/ ได้เลยฮ่ะ
สำหรับทางเข้าที่พัก ย้ำเลยว่า 4×4 only แน่นอนเท่านั้นจ้า (ถ้าสายเก๋งอยากมานอนลองโทรติดต่อพี่อาทิตย์ นัดรับกันเองก็ได้จ้า)
แต่วิวที่เห็นก็หายเหนื่อยได้เสมอ (ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเกี่ยวข้าวกัน ก็สวยไปอีกแบบเน๊อะ)
กกกกกกกกกกกกกกกกกก
กลางคืนก็เห็นทางช้างเผือกสวยงามมากเลย
เห็นดาวตกมั้ย ^^ อย่าลืมอธิษฐานนะ
อาหารเช้าง่ายๆ ข้าวต้ม ไข่ลวก และชาร้อน
ชาลิ้นมังกร ที่เป็นสูตรของที่นี่ “หอม” จากดอกคาโมมาย “หวาน” จากหญ้าหวาน
สำหรับทริปนี้ก็เป็นการเดินทาง แบบ “Road Trip” ของเราสองคน หากชอบรีวิวนี้ก็อย่าลืมเข้าไปกด like ให้กำลังใจ/พูดคุยกันที่เพจ www.facebook.com/lazycoup ได้ค่ะ และถ้าใครหาพิกัดที่เที่ยวเชียงใหม่ ก็ลองอ่านเนื้อหาที่เที่ยวเชียงใหม่ 2019 รวม 17 ที่ต้องห้ามพลาด ได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ